วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สื่อบันทึกข้อมูลแบบซีดี

3.1 ซีดีรอม (Compact Disc Read-Only Memory : CD-ROM)
สื่อบันทึกข้อมูลที่ปัจจุบันที่ไม่นิยมใช้แล้ว เดิมใช้เป็นสื่อบันทึกข้อมูลเสียงในระบบสเตอริโอ โดยเทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทฟิลิปส์และบริษัทโซนี มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บันทึกเพลงโดยการบันทึกด้วยแผ่นเสียง อันเนื่องจากแผ่นเสียงเสียง่ายและมีเสียงรบกวนมาก โดยการปัญหาด้วยการบันทึกเสียงด้วยระบบดิจิตอลในแผ่นเสียงดีซีรอม ซึ่งแผ่นเสียงซีดีรอมการแปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณดิจิตอล หัวอ่านเลเซอร์ที่มิได้สัมผัสกับพื้นผิวโดยตรงจึงทำให้แผ่นซีดีรอมสึกหรอยากและไม่เกิดเสียงรบกวน
ข้อมูลในปัจจุบันมักเป็นข้อมูลลักษณะมัลติมีเดีย ขนาดไฟล์ข้อมูลมีความจุมาก ดังนั้น จึงนิยมหันมาใช้แผ่นซีดีรอมแทน ซึ่งสามารถจุข้อมูลได้ประมาณ  600-700 เมกะไบต์ ข้อมูลในแผ่นซีดีรอมสามารถเรียกใช้งานหรืออ่านได้เพียงอย่างเดียว (Read Only) ไม่สามารถแก้ไข้ข้อมูลได้ แผ่นซีดีรอมที่ใช้บันทึกข้อมูลทางคอมพิวเตอร์จะเป็นอุปกรณ์ประเภทเดียวกับแผ่นซีดีเพลงทั่ว ๆ ไป แตกต่างกันตรงขั้นตอนการจัดรูปแบบเนื้อที่บนแผ่น เพื่อสามารถจัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะแตกต่างกันได้
ลักษณะภายนอกของแผ่นซีดีรอมเป็นวัตถุทรงกลม ทำจากพลาสติกโพลีคาร์บอนเนต (Polycarbonate) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4.75 นิ้ว ส่วนด้านบันทึกข้อมูลเป็นแสงเงินแวววาว ความเร็วของเครื่องอ่านซีดีรอม ปัจจุบันมีความเร็วมากกว่า 50X โดยความเร็วที่ 1X (Single Speed) จะมีอัตราความเร็วในการโอน
ถ่ายข้อมูลประมาณ 150 KBps (Kilobyte Per Second) ดังนั้น ถ้าเครื่องอ่านซีดีรอมมีความเร็ว 50X ก็จะมีอัตราความเร็วในการโอนถ่ายขอมูลที่ 7,500 KBps ช้ากว่าฮาร์ดดิสก์
1.2  ดีวีดีรอม (Digital Versatile Disc Read-Only Memory : DVD-ROM)  
เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่นิยมบันทึกภาพยนตร์ เนื่องจากมีความจุสูงมากถึง เท่า เมื่อเทียบกับแผ่น  
ซีดีรอม โดยแผ่นดีวีดีรอมสามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งสองด้าน แต่ละด้านสามารถจุข้อมูลได้ถึง 4.7 GB    (กิกะไบต์รวมวามจุทั้ง ด้าน สามารถจุข้อมูลได้ถึง 17 กิกะไบต์ 
          แผ่นดีวีดีรอมได้ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับจัดเก็บข้อมูลภาพยนตร์ ซึ่งโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ /   ชั่วโมง การบันทึกข้อมูลลงในแผ่นดีวีดีใช้เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมลที่เรียกว่า MPEG-2 สาเหตุที่แผ่นดีวีดีรอม  สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมากทั้ง ๆ ที่มีขนาดเท่ากับแผ่นซีดีรอม เนื่องจากช่องว่างระหว่างแทร็กของแผ่นดีวีดีรอมจะมีขนาดเล็กซีดีและร่องเก็บข้อมูลเล็กกว่าทำให้ความหนาแน่นของข้อมูลในแทร็กต่อความยาวหนึ่งหนึ่งนิ้วของแผ่นดีวีดีรอมมีมากกว่าถึง เท่า ส่วนด้านความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงกว่า ทำ  ให้การดูภาพยนตร์ที่เคลื่อนไว้ดูเป็นธรรมชาติ ส่วนระบบเสียงที่บันทึกลงในแผ่นดีวีดีมีระบบการบันทึกเสียงที่มี  คุณภาพดีดว่าแผ่นซีดีรอม นากจากนี้ก็ยังมีเครื่องบันทึกแผ่นดีวีดี (DVD-Writer) แผ่นดีวีดีอาร์ (DVD-R) ผู้ใช้ บันทึกข้อมูลได้ครั้งเดียว และแผ่นดีวีดีที่บันทึกข้อมูลได้หลายครั้ง แต่ต้องลบทั้งแผ่น ความจุ 4.7 GB (DVD- RW) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแผ่น CD-RW (คำว่า RW ย่อมาจาก ReWritable) หมายถึง เขียนหรือลบข้อมูลได้หลายครั้ง และแผ่น DVD+RW เขียนหรือลบได้หลายครั้ง ได้ต้องเขียนหรือลบทั้งหมด มีความจุ 2.6 GB และ  4.7 GB

1.2  ซีดีอาร์ (Compact Disk Recordable : CD-R) และซีดีอาร์ดับบลิว (Compact Disk ReWritable : CD-RW)
ซีดีอาร์ (CD-R)  คือ แผ่นบันทึกซีดี ที่ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อมูลลงในแผ่นได้หลายครั้งจนเต็มแผ่นและสมารถอ่านได้หลายครั้ง แต่ไม่สามารถบันทึกข้อมูลทับหรือลบข้อมูลเดิมที่บันทึกแล้วได้ การบันทึกข้อมูลได้หลายครั้งเรียกกันว่า มัลติเซสซัน (Multisession) ซึ่งเป็นการแบ่งการบันทึกข้อมูลที่ละส่วนที่เรียกว่า          เซสซัน ต่อละเซสซันประกอบด้วยหลาย ๆ แทร็ก เมื่อเซสซันหนึ่งได้ทำการบันทึกข้อมูลเสร็จเรียบร้อย โดยพื้นที่บนแผ่นซีดีพอมีพื้นที่เหลือพอในการบันทึกข้อมูลต่อไปอีก การบันทึกข้อมูลในคราวต่อไปก็จะทำได้ด้วยการเปิดเซสซันต่อจาเดิม ซึ่งจะเป็นเซสซันที่ต่อจากแทร็กที่ผ่านการบันทึกมาก่อนหน้านั้น
ซีดีอาร์แตกต่างจากซีดีรอมตรงด้านบันทึกข้อมูลของแผ่นซีดีอาร์นั้นจะมีสีฟ้าอมเขียว ซึ่งเป็นสารพิเศษซึ่งไวต่อความร้อน โดยตัวหัวบันทึกข้อมูลเลเซอร์ในเครื่องบันทึกซีดีนั้นจะทำการเบิร์นพื้นผิวดังกล่าวในการบันทึกข้อมูล
เครื่องอ่านหรือบันทึกแผ่นซีดี กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานที่เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมี เพราะปัจจุบันเครื่องบันทึกแผ่นซีดีราคาถูก สะดวกในการบันทึกข้อมูลชนิดมัลติมีเดีย หรือไฟล์ข้อมูลที่มีขนาดความจุมาก ๆ ซึ่งแผ่นซีดีจะมีความทนทานกว่าแผ่นดิสก์เก็ตและเก็บได้ระยะเวลานานกว่า
          รายละเอียดความเร็วที่ระบุตัวเลขไว้บนเครื่อง เช่น 40X, 48X, 50X หมายถึง
-          ความเร็วในการอ่านแผ่นซีดีอาร์ (CD-Recordable) 40 เท่า
-          ความเร็วในการเขียนแผ่นซีดีอาร์ (CD-ReWritable) 12 เท่า
-          ความเร็วในการอ่านแผ่นซีดีทั่วไป 48 เท่า
นอกจากนี้ ยังมีสื่อจัดเก็บข้อมูลชนิดอื่น ๆ เช่น โฟโต้ซีดี (Photo CD) เป็นเทคโนโลยีของบริษัทโกดักที่ใช้จัดเก็บรูปภาพในรูปแบบของโฟโต้ซีดี สื่อจัดเก็บข้อมูลที่ผสมผสานเทคโนโลยีแม่เหล็ก (Magnetic) กับเทคโนโลยีแสง (Optical) ไว้ด้วยกันอDisk) หรืออปติคัลดิสก์(Optical Disk) รวมทั้งสื่อจัดเก็บข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory) ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ กล้องดิจิตอล กล้องวิดีโอ และอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ
3.4. หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory)
          เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับหน่วยความจำแรม แต่หน่วยความจำแบบแฟลชจะมีความแตกต่างจากหน่วยความจำแรมตรงเป็นหน่วยความจำแบบ Non-Volatile ซึ่งข้อมูลจะคงสภาพอยู่ถึงแม้จะไม่มีกระไฟฟ้าเลี้ยง และเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงมักนำมาใช้จัดเก็บข้อมูลภาพต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล
          ชนิดของหน่วยความจำแบบแฟลช จะมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น หน่วยความจำแบบแฟลชที่อยู่ในรูปแบบของการ์ดหน่วยความจำ (Memory Card) เช่น Memory Stick, Compact Flash, SmartMedia SD Card Multimedia Card (MMC) ส่วนขนาดความจุก็มีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน เช่น ความจุขนาด 16, 32, 64, 128 หรือ 256 เมกะไบต์ จนถึงหน่วยกิกะไบต์ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำแบบแฟลชที่มีอินเทอร์เฟสในรูปแบบยูเอสบี (USB) ที่สามารถเสียบเข้าโดยตรงกับพอร์ตยูเอสบีในคอมพิวเตอร์เพื่อใช้บันทึกหรืออ่านข้อมูล ซึ่งก็มีเรียกที่แตกต่างกันตามผู้ผลิต เช่น Thumb Drive, Flash Drive หรือ Handy Drive เป็นต้น

3.5. บลูเรย์ดิสก์ (Blu-ray Disc) หรือบีดี (BD)
                   บลูเรย์ดิสก์ คือ รูปแบบของแผ่นออปติคอล สำหรับบันทึกข้อมูลความละเอียดสูง ซึ่งของ Blu-ray มาจากช่วงความยาวคลื่นที่ใช้ในระบบบลูเรย์ดิสก์ 405 nm ของเลเซอร์สีฟ้า ซึ่งทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดีที่มีขนาดแผ่นเท่านี้ โดยดีวีดีใช้เลเซอร์สีแดง ความยาวคลื่น 650 nm
                   ประวัติบลูเรย์ พัฒนาโดยกลุ่มของบริษัทที่เรียกว่า Blu-ray Disc Association ซึ่งนำโดย ฟิลิปส์ และโซนี เปรียบเทียบกับเอชดี-ดีวีดี (HD-DVD) ที่มีลักษณะและการพัฒนาใกล้เคียงกัน บลูเรย์มีความจุ 25 GB ในแบบเลเยอร์เดียว (Single-Layer) และ 50 GB ในแบบสองเลเยอร์ (Double-Layer) ขณะที่เอชดี-   ดีวีดีแบบเลเยอร์เดียวมี 15 GB และสองเลเยอร์มี 30 GB
                   ความจุของบลูเรย์ดิสก์ ซึ่งปกติแผ่นบลูเรย์นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับแผ่นซีดี/ดีวีดี โดยแผ่นบลูเรย์จะมีลักษณะแบบหน้าเดียว และสอง
หน้า โดยแต่ละหน้าสามารถรองรับได้มากถึง เลเยอร์ อาทิ แผ่น  BD-R (SL) หมายถึง Blu-ray Disc ROM แบบ Single Layer  แบบหน้าเดียว มีความจุ 25 GB แผ่น BD-R (DL) หมายถึง Blu-ray Disc Rom แบบ Double Layer แบบหน้าเดียว มีความจุ 50 GB แผ่น BD-R (2DL) หมายถึง Blu-ray Disc Rom แบบ Double layer แบบสองหน้า มีความจุ 100 GB
                   ส่วนความเร็วในการอ่านหรือบันทึกแผ่น Blu-ray ที่มีค่า 1x, 2x, 4x ในแต่ละ 1x จะมีความเร็ว 36 เมกะบิตต่อวินาที นั่นหมายความว่า 4x นั่นจะสามารถบันทึกได้เร็วถึง 144 เมกะบิตต่อวินาที โดยมีนักวิทยาศาสตร์จาก NASA เป็นผู้พัฒนาต่อจากระบบบันทึกข้อมูลที่ใช้ในโครงการอวกาศ
                   บลูเรย์ดิสก์ในปัจจุบันได้มีการนำไปใช้ในแผ่นดิสก์ของเครื่องเกม Playstation 3 ซึ่งสามารถรองรับที่สูงของเครื่องเกมได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า Blu-ray Disc นั้นยังมีต้นทุนของหัวอ่านที่สูงและภาพยนตร์ที่มีความละเอียดสูง ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดมากนัก แต่ในอนาคตเทคโนโลยี Blu-ray เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นผู้พลิกวงการแผ่นดิสก์และวงการภาพยนตร์

ชนิดของสื่อบันทึกข้อมูล



2. ชนิดของสื่อบันทึกข้อมูล 
เทคโนโลยีของสื่ออุปกรณ์บันทึกข้อมูลหรือจัดเก็บข้อมูล สามารถเป็นออกเป็น ชนิด คือ 1. สื่อบันทึกข้อมูลที่ใช้ เทคโนโลยีแม่เหล็ก (Magnetic Storage) 2. สื่อจัดเก็บข้อมูลที่เทคโนโลยีแบบแสง (Optical Storage) ซึ่งสื่อ บันทึกข้อมูลส่วนใหญ่มักจะเป็นลักษณะใดลักษณะหนึ่งในสองชนิดนี้ สื่อบันทึกข้อมูลบางชนิดที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง สองรวมกัน คือ สื่อแบบแม่เหล็กและแสง เช่น Magneto-Optical Disk และ 3. โซลิดสเตต (Solid State) หรือ เอสอสดี
2.1.    สื่อบันทึกข้อมูลแบบแม่เหล็ก (Magnetic Storage) 
สื่อบันทึกข้อมูลแบบแม่เหล็ก คือ สื่อจัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็ก (Magnetic) ซึ่งประกอบด้วย  ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk/Diskettes) ดิสก์ความจุสูง (High-Capacity Floppy Disk) ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)
1.       ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk/Diskettes)
ฟลอปปี้ดิสก์ หรือดิสก์เก็ต เป็นแผ่นดิสก์แบบอ่อนที่ทำจากแผ่นไมลาร์และเคลือบด้วยสารแม่เหล็กบาง ๆ ทั้งสองด้าน มีขนาดตั้งแต่ นิ้ว 5.25 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว ดิสก์เก็ตนี้บางที่ยังมีผู้ใช้งานเหลืออยู่บ้าง  คือ ขนาด 3.5 นิ้ว แต่ปัจจุบันในนิยมใช้งานแล้ว มีดิสก์ชนิดความจุสูงอื่น ๆ ให้เลือกใช้งานแทน

หน่วยวัดความจุของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ (Capacity)      
บิต (Bit)    ย่อมากจาก  Binary Digits      
8 Bit               เท่ากับ ไบต์ (Byte = 1 ตัวอักษร)        
ไบต์ (Byte)      เท่ากับ             บิต (Bit)   
กิโลไบต์ (Kilobyte)                  เท่ากับ    1,024 ไบต์ (Byte)  
เมกะไบต์ (Megabyte)              เท่ากับ    1,024 กิโลไบต์ (Kilobyte) 
กิกะไบต์ (Gigabyte)                 เท่ากับ    1,024 เทกะไบต์ (Megabyte) 
เทระไบต์ (Terabyte)               เท่ากับ    1,024 กิกะไบต์ (Gigabyte) 
เพตะไบต์ (Petabyte)               เท่ากับ    1,024 เทระไบต์ (Tarabyte) 

1.      ดิสก์ความจุสูง (High-Capacity Floppy Disk)
เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่มีลักษณะเดียวกับดิสก์เก็ตที่จะสามารถเก็บข้อมูลได้สูงที่นิยมใช้กัน เช่น Super Disk, Zip Disk และ Jaz Disk โดย Super Disk มีความจุขนาด 120 เมกะไบต์ ส่วน Zip Disk  มี
ความจุขนาด 100 เมกะไบต์ และ 250 เมกะไบต์ ในขณะที่ Jaz Disk สามารถเก็บข้อมูลถึง 1-2 กิกะไบต์ โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือพอร์ต Parallel
1.      ฮาร์ดดิสก์ (Harddisks)
ฮาร์ดดิสก์หรือจานบันทึกแบบแข็ง คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดของ เครื่อง เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีความเร็วและความจุในการจัดเก็บข้อมูลได้สูงมากกว่า 500 กิกะไบต์ – 3 เทระไบต์ อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง และจัดเป็นอุปกรณ์หลักที่จำเป็นต้องมีในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เช่น โปรแกรมระบบปฏิบัติการ แอพพลิเคชั่น  โปรแกรมประยุกต์ใช้งานรวมถึงข้อมูลหรือสารสนเทศต่าง ๆ
3.1.   ลักษณะการทำงานของฮาร์ดดิสก์
การทำงานของฮาร์ดดิสก์จะคล้ายกับฟลอปปี้ดิสก์ แต่ภาพในของฮาร์ดดิสก์ได้รวมหัวอ่าน บันทึกและจานแม่เหล็กอยู่ภายในตัวเดียวกัน โครงสร้างภาพในฮาร์ดดิสก์จะประกอบด้วย แพลตเตอร์ (Platters) ซึ่งคล้ายกับแผ่นดิสก์ แต่จะทำด้วยแผ่นอลูมิเนียมแข็งที่เคลือด้วยออกไซด์ของเหล็กและมีหลายแพลตเตอร์ด้วยกัน แต่แพลตเตอร์จะเรียงอยู่บนแกนเดียวกัน ที่เรียกว่า “Spindle” ทำให้แพลตเตอร์แต่ละแผ่นสามารถหมุนไปได้พร้อม ๆ กัน ด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อนที่มีความเร็วระหว่าง 3,600 RPM และ 7,200 RPM (Round Per Minute : RPM) ในขณะที่มอเตอร์ดิสก์ไดรฟ์ที่หมุนดิสก์เก็ต จะหมุนด้วยความเร็วประมาณ 300 RPM เท่านั้น ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์สามารถหมุนได้ด้วยความเร็วมากกว่า 10,000 RPM แต่ละหน้าของแพลตเตอร์ที่วางเรียงซ้อนกันจะมีหัวอ่านหรือบันทึกที่สามารถเคลื่อนที่เข้าออกไปยัง แทร็กต่าง ๆ ที่ต้องการและเนื่องจากฮาร์ดดิสก์มีจำนวนจานดิสก์หรือแพลตเตอร์หลานแผ่นเรียงซ้อนกัน การอ้างอิงตำแหน่งจึงอ้างอิงตำแหน่งแทร็กเดียวกันในแต่ละแพลตเตอร์ ที่เรียกว่า ไซลินเดอร์” (Cylinder) คือ เส้นรอบวงแทร็กรวมกันทั้งหมดของแผ่นบันทึกข้อมูลโดยแทร็กสุดท้ายในแผ่นบันทึกข้อมูลจะใช้เป็นที่พักหัวอ่าน (Head) ของฮาร์ดดิสก์
3.2.   ชนิดของฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์มีการพัฒนามาตรฐานกาออกได้หลายแบบ คือ ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE  แบบ EIDE แบบ SCSI และแบ Serial ATA แบบ PCI-e และแบบ M2 แต่ละชนิด มีลักษณะแตกต่างกันดังนี้
                   แบบที่ 1 ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE (Integrated Drive Electronics) ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE เป็นอินเทอร์เฟสรุ่นเก่า  ที่มีการเชื่อมต่อโดยใช้สายแพรขนาด 40 เส้น  โดยสารแพร เส้น สามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ ตัว บนเมนบอร์ดเดียวกัน จะมีขั้วต่อ ขั้วด้วยกัน ทำให้ สามารถต้อฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุด ตัว สำหรับขนาดความจุของข้อมูลเพียง 504 MB   
รเชื่อมต่อปัจจุบันแบ่งแบบที่ 2 ฮาร์ดดิสก์ แบบ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronics)
                   มาตรฐาน EIDE พัฒนามาจาก IDE ที่ใช้สายแพรขนาด 80 เส้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ทำงานให้มากขึ้น โดยเชื่อมต่อระหว่างฮาร์ดดิสก์กับช่องต่อ IDE บนเมนบอร์ด อีกทั้งยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ไดรฟ์ CD-ROM/CD-RW ไดรฟ์ DVD เป็นต้น
                    
แบบที่ 3 ฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI (Small Computer System Interface)
                   ฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI หรือเรียกว่า สะกัชชี่ (Scuzzy) เป็นมาตรฐานฮาร์ดดิสก์อีกแบบหนึ่ง ที่มีการ์ดคอนโทรลเลอร์ SCSI สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์รุ่นแรก ๆ  อัตราการรับส่งข้อมูลเพียง    10 MB/s ช้ากว่าฮาร์ดดิสก์ EIED ฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ ๆ จะมีความเร็วสูงกว่า 40 MB/s ขึ้นไป จนถึง   160 MB/s การเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ ตัว แต่การ์ดบางรุ่น อาจจะได้ถึง 14 ตัว ฮาร์ดดิสก์ SCSI นี้ ถูก  ออกแบบมาใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย คือ เซิร์ฟเวอร์ (Server) ทำหน้าที่บริการกับผู้ใช้งาน  หลาย ๆ คนบนเครือข่าย ซึ่งเน้นความทนทานต่อการใช้งานหนัก และรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง  

                   แบบที่ 4 ฮาร์ดดิสก์แบบ Serial ATA  
                   เป็นมาตรฐาน Serial ATA เป็นอินเทอร์เฟสใหม่ที่เข้ามาแทนที่มาตรฐาน EIDE ซึ่งเดิมเป็น แบบขนาน (Parallel) ส่วนที่แตกต่างไปจากเดิม คือ ใช้ระบบการรับ/ส่งข้อมูลในแบบอนุกรม (Serial) สามารถเพิ่มความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูลได้สูงกว่า และสายเชื่อมต่อมีขนาดเล็กลงกว่าแบบ EIDE ซึ่งนิยมใช้งานกัน

                   แบบที่ 5 ฮาร์ดดิสก์แบบ PCI-e
                   ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ PCI-Express มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่เร็วกว่า SATA เป็นอย่างมาก แต่ราคาสูง หากชื่นชอบในความเร็วและความแรง PCI-e
แบบที่ 6 ฮาร์ดดิสก์แบบ M2
                   M2 หรือ NGFF (Next Generation From Factor) เป็น Interface ใหม่ มีหลายแบบมาก เน้นขนาดเล็ก และความเร็วสูงมีการเชื่อมต่อแบบ SATA ดั้งเดิม และบวกเพิ่มการเชื่อมต่อตรงแบบ PCL-e x2 x4 ทำให้ประสิทธิภาพมากกว่า SATA แบบเดิม ๆ

 3.3 การพิจารณาความเร็วของฮาร์ดดิสก์
มีปัจจัยหลายประการด้วยกัน ในการพิจารณาความเร็วของฮาร์ดดิสก์ สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้ คือ
-          เวลาค้นหา (Seek Time)
คือ เวลาที่แขนของหัวอ่าน/บันทึก เคลื่อนที่ไปยังแทร็กหรือไซลินเดอร์ที่ต้องการ โดยมีหน่วยวัดความเร็วเป็นมิลลิวินาที (Millisecond)
-          เวลาแฝง (Rotation Delay or Latency Time)
คือ เวลาที่ตำแหน่งข้อมูลที่ต้องการในแต่ละแทร็กหมุนมายังตำแหน่งของหัวอ่านบันทึก เพื่อที่จะทำการถ่ายโอนข้อมูลไปยังหน่วยความจำหลัก โดยมีหน่วยวัดความเร็วเป็นมิลลิวินาที
-          เวลาเข้าถึง (Access Time)
คือ เวลารวมของเวลาค้นหาและเวลาแฝง (Seek Time + Latency Time)
-          เวลาถ่ายโอนข้อมูล (Transfer Time)
คือ เวลาการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างตำแหน่งข้อมูลบนแทร็กนั้น ๆ ไปยังหน่วยความจำหลักซึ่งมีหน่วยเป็นบิตต่อวินาที ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วรอบการหมุนของแพลตเตอร์ ซึ่งมีหน่วย RPM รวมถึงความหนาแน่นของข้อมูลในแต่ละแทร็ก (Track Per Inch : TPI)
3.4. ฮาร์ดดิสก์แบบเคลื่อนย้ายได้
ฮาร์ดดิสก์ฮ๊อตสว็อพ (Hot Swappable Hard Disk) นิยมใช้กับเครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับสูง โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่าย (Server) เพราะความเร็วในการทำงานที่เทียบเท่าฮาร์ดดิสก์ที่ใส่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ยังสามารถถอดออกจาก เครื่องได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องและยังสมารถรองรับกับข้อมูลที่มีการขยายตัวเพิ่มตัวขึ้นเรื่อย ๆ 
          4 . เทปแม่เหล็ก (Magnectic Tape)
          เทปแม่เหล็กเป็นสื่อจัดเก็บข้อมูลที่มีความนิยมใช้มานานแต่ในปัจจุบันความนิยมของเทป แม่เหล็กได้ลดน้อยลงมาก เนื่องจากการเข้าถึง ข้อมูลเป็นไปในลักษณะแบบลำดับ (Sequential) ซึ่ง ช้ากว่าแบบเข้าถึงโดยตรง (Direct Access) อย่างแมกเนติกดิสก์ แต่อย่างไรก็ตามเทปแม่เหล็กก็ยังนิยมใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลสำรองต่าง ๆ เนื่องจากเทปแม่เหล็กมีความจุสูงและเคลื่อนย้ายง่าย เมื่อเทียบปริมาณความจุกับราคาถือว่ามีราคาถูกและคุ้มค่า ปัจจุบันเทปแม่เหล็กมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น เทปแม่เหล็กเป็นม้วน ซึ่งมักใช้กับเครื่องระดับใหญ่ เช่น มินิคอมพิวเตอร์ และเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ก็ยังมีเทปแบบตลับคาสเซต คาร์ทริดจ์ที่มักใช้งานบนไมโครคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเทปชนิด DAT เป็นต้น 
2.2 สื่อจัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีด้วยแสง (Optical Storage)
แนวโน้มการจัดเก็บข้อมูลด้วยสื่อจัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีออปติคอล มีความนิยมสูงขึ้นเป็นลำดับ  เนื่องจากมีความจุสูง ทนทานและมีราคาถูก และโปรแกรมต่าง ๆ ในปัจจุบันส่วนใหญ๋ผู้ผลิตมักนำโปรแกรมมาบันทึกลงในแผ่นซีดีกันส่วนมาก เช่น ซีดีรอม ซีดีอาร์ ซีดีอาร์ดับบลิว ดีวีดีรอม และแมกนีโตออปติคัลดิสก์2.3 โซลิสเตตไดรฟ์ (Solid Stage Drive) หรือ เอสเอสดี (SSD)
เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืนยาวกว่าอุปกรณ์ที่มีความร้อน เพราะมีความทนทานต่อการสั่นสะเทือน การกระชาก และการสึกกร่อนเชิงกลมากกว่าหลายเท่า โซดิสเตตไดรฟ์ คล้ายกับ USB Flash Drive ใช้เก็บบันทึกข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กทนทาน เบา ทำงานได้รวดเร็ว ไม่มีชิ้นส่วนเป็นกลไกหัวเข็ม หรือจารหมุนอย่างฮาร์ดดิสก์ ปัจจุบันมีความจุหลากหลายตั้งแต่ 60-480 GB 


ความหมายของสื่อบันทึกข้อมูล


หน่วยความจำชั่วคราว (Volatile memory) คือ( หน่วยความจำ)ของคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเลี้ยง
ตลอดเวลาตราบเท่าที่ยังต้องการให้มันเก็บข้อมูลนั้นอยู่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือหากไม่ได้รับไฟฟ้าเลี้ยงแล้วข้อมูลที่เคยเก็บอยู่ในหน่วยความจำชั่วคราวก็จะหายไป ตัวอย่างของหน่วยความจำชั่วคราวก็คือ(แรม) ชนิดต่างๆ ตรงกันข้ามกับ(หน่วยความจำถาวร) ที่ยังรักษาข้อมูลอยู่แม้ว่าจะไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงแล้วก็ตาม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ram
ram (random access memory)

หน่วยความจำถาวร (Non-volatile memory) คือหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บรักษาข้อมูลได้อยู่โดยไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า ตัวอย่างหน่วยความจำถาวรเช่น รอมแฟลช ยังรวมถึงหน่วยเก็บข้อมูลด้วยแม่เหล็ก เช่น จานบันทึกแบบแข็ง (hard disks), แผ่นบันทึก (floppy disks) และแถบแม่เหล็ก (magnetic tape), หน่วยเก็บข้อมูลด้วยแสง เช่น แผ่นซีดี และหน่วยเก็บข้อมูลยุคเก่า เช่นบัตรเจาะรู
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ read only memory
rom (read only memory)